วันพุธที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2553

การเลือกซื้อแหวนเพชร ตอนที่ 2.....


สวัสดีค่ะหายหน้าหายตาไปหลายวันเลย ในที่สุดก็มีเวลากลับมาต่อเรื่องการเลือกซื้อแหวนเพชรกันแล้วนะคะ ก่อนจะข้ามไปสู่ขั้นตอนที่ 2 ในการเลือกซื้อแหวนเพชร เราอยากให้คุณพิจารณาถึงสิ่งที่มีผลต่อดีไซน์ของแหวนเพชรคือ การฝังเพชร (Ring Setting) และรูปทรงเพชร (Diamond Shape) ซึ่งตอนที่แล้วเราพูดถึงเรื่องของการฝังเพชร วันนี้เราจะมาต่อกันในเรื่องของรูปทรงของเพชร เพราะรูปแบบรูปทรงของเพชรมีมากมายหลายรูปแบบ Lamour Diamond (ลามูร์ไดมอนด์) จึงขอหยิบยกรูปทรงที่เป็นนิยมในปัจจุบัน เพื่อเป็นแนวทางก่อนการตัดสินใจเลือกซื้อเพชร เพื่อให้ได้รูปทรงที่ตรงใจท่านมากที่สุดค่ะ


เพชรทรงกลม ( Round Brilliant Cut )

เพชรทรงกลมเป็นทรงที่เป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยมกันมากที่สุด และได้รับความนิยมทุกยุคทุกสมัย ด้วยทรงกลมที่แทนความต่อเนื่องอันนิรันดร์ เพชรทรงกลมจึงเป็นสัญลักษณ์ของแหวนหมั้น แหวนแต่งงาน การเจียระไนแบบนี้ยังสามารถช่วยซ่อน ตำหนิเล็กน้อย ได้มากกว่า รูปทรงแบบอื่นๆ และกระจายแสงได้ดีที่สุด เพชรจะถูกเจียระไนให้มีเหลี่ยม 58 เหลี่ยม ช่วยให้แสงสามารถตกกระทบส่วนล่าง แล้วกระจายกลับสู่ส่วนบน ไม่ว่าจะนำเพชรทรงกลมมาฝังบนตัวเรือนแบบเรียบ ๆ เช่นการฝังแบบ 6 หนามเตย หรือนำไปขึ้นตัวเรือนที่ได้รับการออกแบบซับซ้อน เพชรก็เปล่งประกายสวยงาม ในปัจจุบันนิยมเพชรทรงกลมแบบเหลี่ยมเกสร ( Round Brilliant Cut ) สาเหตุหนึ่งทำให้เพชรกลมเหลี่ยมเกสรเป็นที่นิยมมากที่สุดในบรรดารูปทรงเพชรทุกแบบ เนื่องจากเป็นเพชรที่เป็นแบบมาตรฐาน ซื้อขายง่าย และความเรียบง่ายของแบบทรงกลมก็เป็นสาเหตุหนึ่งให้คนตัดสินใจซื้อ เพราะใช้ได้หลายโอกาสและจัดเข้าชุดกับเครื่องประดับกายต่าง ๆ ได้ง่ายกว่ารูปทรงอื่น ๆ

เพชรรูปไข่ (Oval Cut)

การเจียระไนอัญมณีทรงรูปไข่ แต่เดิมนั้นนิยมใช้กับอัญมณีประเภทพลอยไพลินและทับทิม เนื่องจากเนื้อพลอยตัดง่ายกว่าเพชร ต่อมาเทคนิคการเจียระไนได้รับการพัฒนาให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น จึงเริ่มมีการเจียระไนเพชรในรูปไข่ ซึ่งสามารถเจียระไนได้ถึง 58 เหลี่ยม เพชรรูปไข่เป็นที่นิยมมากสำหรับแหวนครบรอบแต่งงาน (Anniversary Ring ) ลักษณะของแหวนครบรอบแต่งงานนั้นจะเป็นแหวนเพชรสามเม็ด โดยที่เพชรทั้งสามเม็ดนั้นมักมีขนาดที่ไม่ต่างกันมากนัก หรือเท่าเสมอ เพื่อแสดงถึงความรักที่มั่นคง สม่ำเสมอแม้เวลาจะผ่านไปของคู่รัก


เพชรรูปหยดน้ำ (Pear Cut)

เพชรรูปหยดน้ำ หรือแพรเชฟ เป็นเพชรที่ได้มาจากรูปทรงของธรรมชาติ ทั้งหยดน้ำและชื่อผลไม้ตามชื่อภาษาอังกฤษ เป็นเพชรอีกทรงที่นิยม เพราะยังจัดเป็นรูปทรงที่เรียบ ๆ เข้ากับตัวเรือนได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับชนิดใด ทั้งแหวน ต่างหู และจี้ จึงทำให้เป็นรูปทรงที่ได้รับความนิยมในอันดับต้น ๆ เพชรรูปหยดน้ำจัดเป็นรูปทรงที่เจียระไนซับซ้อนที่สุดรูปทรงหนึ่ง ประกอบไปด้วยเหลี่ยมเพชร 58 เหลี่ยม ซึ่งเป็นการเจียระไนที่ทำให้เพชรส่องประกายได้ค่อนข้างดีทรงหนึ่ง นอกจากนี้รูปทรงหยดน้ำช่วยทำให้เพชรมองดูแล้วใหญ่กว่าน้ำหนักที่แท้จริง เพราะรูปทรงหยดน้ำนี้จะช่วยให้เพชรดูแล้วใหญ่และยาวกว่ารูปทรงกลม เมื่อเทียบต่อน้ำหนักเพชรที่เท่าๆ กัน

เพชรทรงเอมเมอรัลด์ (Emerald Cut)

เพชรทรงเอมเมอรัลด์ โดยได้รับแรงบันดาลใจ จากการเจียระไนมรกต รูปสี่เหลี่ยมมรกต เป็นรูปลักษณ์ของเพชรที่เด่นอีกรูปแบบหนึ่ง สิ่งที่เน้นคือความงดงามอันโปร่งใสของเนื้อเพชร กรอบเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มุมทั้งสี่ ด้านซ้ายและด้านขวา มีความสมมาตรเพชร และเป็นที่นิยมอย่างมากในสมัยก่อน ในปัจจุบันแม้ว่าเพชรรูปทรงสี่เหลี่ยมมรกตนี้จะไม่นิยมเท่ากับในสมัยก่อน แต่เพชรรูปทรงนี้ยังคงความคลาสสิคและมีคุณค่าในทุกยุคทุกสมัย

เพชรรูปมาร์คีส์ (Marquise Cut)

เพชรรูปทรงมาร์คีส์ เป็นเพชรที่ต้องใช้ความระมัดระวังในการเจียระไนเป็นพิเศษ ราคาค่าแรงเลยสูงเป็นอันดับสองรองจากเพชรรูปหัวใจ และเพราะความแปลกของรูปทรงมาคีส์ทำให้เป็นทรงเพชรที่ติดอันดับความนิยมเสมอมา แม้จะไม่อยู่ในอันดับต้นแต่ก็มีผู้นิยมไม่น้อย เพราะความสวยงามของเพชรมาคีส์ สามารถโชว์ความงามได้ในตัวเพชรแบบเดี่ยวและการจัดวางเป็นรูปทรงต่าง ๆ ทั้งกลีบดอกไม้ ใบไม้ รูปสัตว์ อาทิ แมลงปอ เป็นต้น ได้อย่างลงตัว สำหรับใครที่ชอบเพชรรูปทรงนี้ แนะนำให้เลือกตัวเรือนที่มีการบังเหลี่ยมมุมบนปลายทั้งสอง จะสามารถป้องกันการกะเทาะของมุมเพชรได้ ในขณะเดียวกันก็ยังเปิดโอกาสให้แสงส่องเข้าถึงตัวเพชรได้มาก เพื่อเสริมให้ประกายเพชรดูโดดเด่น


เพชรทรง คัชชัน (Cushion Cut)

เพชรทรง “cushion” อันมีรูปทรงสลับซับซ้อน และเป็นรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว กล่าวคือ มีรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส หน้าเพชรโค้ง และมุมกลม ทำให้เกิดประกายแวววาวนุ่มนวล และสง่างาม จึงเป็นทรงที่มีแนวโน้มจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วย เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคมีแนวโน้มที่เลือกหาสิ่งที่แปลกใหม่และแตกต่างมากยิ่งขึ้น


เพชรทรง “แอชเชอร์” (Asscher Cut)


การเจียระไนเพชรทรงนี้ เป็นรูปแบบการเจียระไนที่มีมาก่อนการเจียระไนทรงเอมเมอรัลด์ ซึ่งเป็นการเจียระไนที่คล้ายกันทรงเอ็มเมอรัลด์ ยกเว้นแต่ว่าจะเป็นทรงจัตุรัสเท่านั้น ไม่เป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยเพชรทรง Asscher จะมียอดเพชรที่กว้าง เหลี่ยมยาวลดหลั่นกัน มีด้านเท่ากันและมีมุมตัด เป็นอีกรูปทรงหนึ่งที่มีความคลาสสิค ความสะอาด และสีของเพชร เป็นสิ่งสำคัญของเพชรทรงแอชเชอร์นี้ ซี่งการมีหน้าแบนใหญ่จะทำให้เรื่องความสะอาดของเพชรถูกสังเกตได้ง่าย ทรงแอชเชอร์คัทแบบดั้งเดิม จะมีทั้งหมด 58 เหลี่ยม โดยจะเหมือนกับเพชรทรงเอ็มเมอรัลด์แบบจัตุรัสสมัยใหม่ แต่ในแบบรอยัลแอชเชอร์ (Royal Asscher) สมัยใหม่จะมีทั้งหมด 74 เหลี่ยม โดยส่วนด้านบนของเพชรจะมีการเจียรไนเป็นขั้นเล็กๆ มากขึ้น ในขณะที่ด้านล่างของเพชร จะมีการเจียรไนเหลี่ยมให้ยาวและใหญ่ขึ้น และมีก้นเพชรที่เป็นแบบเปิด การเจียรไนแบบนี้จะช่วยทำให้เพชรมีประกายแสงมากขึ้น และจะดึงสายตาให้มองไปตรงกลางตามความลึกของเพชรด้วย ในขณะที่จุดกลางของเพชรมีประกายระยิบระยับนั้น มุมของเพชรจะเป็นตัวแสดงสีที่แท้จริงของเพชรเม็ดนั้น

เพชรทรงหัวใจ (Heart Cut)

เป็นรูปทรงที่มีค่าเจียระไนสูงกว่าเพชรในกลุ่มแฟนซีมาตรฐานทั่วไป เนื่องจากการคัดสรรให้ได้มาซึ่งเพชรทรงหัวใจที่มีสมมาตรที่ดี ต้องใช้เวลาและความอดทน เพราะการเบี้ยวของเส้นขอบเพชรเพียงเล็กน้อย จะแสดงออกให้เห็นได้ชัดบนตัวเรือนเรียบเกลี้ยงของแหวนหมั้น เพชรทรงหัวใจที่ดีควารมีสัดส่วนกว้าง : ยาวเป็น 1: 1 รูปทรงหัวใจแสดงความน่ารัก และอ่อนโยนอยู่ในตัว จึงขอแนะนำให้เลือกตัวเรือนที่เรียบ ดูสะอาดตา เพื่อแสดงความสง่าที่น่ารักของเพชรเม็ดที่คุณเลือกสรรมาอย่างดี ในปัจจุบันเพชรรูปหัวใจจะมีราคาสูงกว่าการเจียระไนแบบทรงเพชรทรงกลมแบบเหลี่ยมเกสรหากเทียบในสัดส่วนน้ำหนักที่เท่ากัน ทั้งนี้เนื่องมาจากการเจียระไนรูปทรงหัวใจมีน้ำหนักสูญเสียระหว่างการเจียระไนที่มากกว่า และเพชรรูปทรงหัวใจนั้นหาซื้อได้ยากกว่ารูปทรงกลมโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพชรรูปทรงหัวใจที่มีความสมมาตรสวยงาม และเนื่องจากมีความยากในการเจียระไนรูปหัวใจ เพชรรูปหัวใจส่วนมากจึงมีขนาดใหญ่กว่า 1 กะรัต



เพชรรูปทรงพริ้นเซส (Princess Cut)

รูปแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสเป็นทรงที่ส่องประกายไฟได้ดีเกือบจะเท่ากับทรงกลม มีเหลี่ยมเพชรที่มองแล้วคม และความเรียบของเส้นขอบที่สามารถเชื่อมต่อกับตัวเรือนได้สนิท ทำให้เพชรทรงพริ้นเซสมักถูกเลือกเป็นแหวนหมั้นให้ฝ่ายชาย เพชรทรงพริ้นเซสที่ได้รับการเจียระไนที่ดี จะสามารถสะท้อนแสงได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยทั่วไปการใช้ตัวเรือนแบบหนามเตย 4 มุม จะเป็นที่นิยมสำหรับเพชรรูปทรงนี้ เพื่อช่วยป้องกันมุมของเพชรทั้ง 4 ด้าน

เพชรรูปทรงเรเดียน (Radiant Cut)

เพชรทรงเรเดียน มีลัษณะการเจียระไนคล้ายกับทรงปริ้นเซสที่ใช้เหลี่ยมในการทำให้เกิดการเล่นไฟและส่องประกายระยิบระยับแบบทรงกลม แต่จะมีเหลี่ยมมากกว่ารูปทรงปริ้นเซส องค์ประกอบที่ทำให้เพชรทรงเรเดียนแตกต่างจากเพชรทรงปริ้นเซสอีกอย่างก็คือ มุมทั้ง 4 ที่ถูกตัด ซึ่งการตัดมุมนี้ช่วยทำให้เพชรเกิดการแตกหักสูญเสียได้ยากขึ้นอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามรูปลักษณ์โดยรวมของเพชรรูปทรงเรเดียนจะมีความคล้ายกับเพชรทรงเอ็มเมอร์รัลด์ และทรงแอชเชอร์ เนื่องจากจะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสหรือผืนผ้าก็ได้ และมีมุมทั้ง 4 ที่ถูกตัด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น