วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

สุดยอดแหวนเพชร ของเซเลปดัง






เมื่อมองย้อนกลับไปใน อดีต รูปแบบแหวนหมั้น แม้จะแตกต่างไปบ้างตามยุคสมัย หากแต่จุดยืนยังคงเดิม เพราะงานดีไซน์แต่ละรูปแบบ แฝงไว้ซึ่งแนวคิด ลองมาดูรูปแบบแหวนหมั้นของบรรดาเซเลบชื่อดังกัน ว่าจะหรูหรา อลังการแค่ไหน

อันดับที่ 10 โทนิ แบรกซตัน
สาวฮอตอย่าง โทนิ แบรกซตัน ได้แหวนหมั้นประดับด้วยเพชร 3 เม็ด 4.5 กะรัต เม็ดกลางเป็นเพชรรูปไข่ ประดับสองข้างด้วยเพชรรูปหัวใจจาก คาร์ล เลวิส ที่มีความหมายลึกซึ้งถึงหัวใจสองดวงที่มีต่อกัน

อันดับที่ 9 เจโล หรือ เจนนิเฟอร์ โลเปซ
ถูกจับ จองจาก เบน แอฟเฟลค พระเอกหนุ่มรูปหล่อล่ำ ด้วยแหวนเพชรสีชมพูน้ำหนักถึง 6.1 กะรัต จากร้านแฮรี่ วินสตัน เธอเป็นสาวเดียวที่ได้รับแหวนเป็นสีชมพู เพราะนอกจากเพชรเม็ดกลางที่เป็นสีชมพูแล้ว เพชรบ่าทั้งสองข้าง ยังเป็นเพชรสี่เหลี่ยมเรียงอีกข้างละสามเม็ด มูลค่าถึง 3 ล้านดอลลาร์ ขณะที่คู่หมั้นอีกคนคือ มาร์ค แอนโทนี่ หมั้นหมายสาวสะโพกสุดเสียงสังข์ด้วยแหวนหมั้นเพชรเม็ดโต14.5 กะรัต มูลค่าถึง 5 ล้านดอลลาร์

อันดับที่ 8 บริทนีย์ สเปียร์
มีแหวนหมั้นสอง วง วงแรกเป็นแหวนเพชรรูปหมอนน้ำหนัก 4 กะรัต มูลค่า 4 หมื่นดอลลาร์ที่เธอซื้อให้ตัวเอง และ 9 เดือนต่อมา หลังจากที่อุ้มท้องโย้เข้าพิธีแต่งงานกับ เควิน เฟดเดอร์ไลน์ สามีของเธอซื้อแหวนให้เธอซึ่งออกแบบโดยซินเธีย วูฟฟ์

อันดับที่ 7 ปารีส ฮิลตัน
ได้รับแหวนหมั้น 2 วง จากอัครมหาเศรษฐี ปารีส แล็ททิส เป็นแหวนประดับด้วยเพชรสีเหลืองคานารี่ น้ำหนัก 24 กะรัต ที่มีมูลค่าสูงถึง 5 ล้านดอลลาร์ และอีกวงเป็นแหวนเพชรสีขาวทรงสี่เหลี่ยม น้ำหนัก 15 กะรัต ที่มีมูลค่ากว่า 2 ล้านดอลลาร์ ขนาดหมั้นกันถึง 2 วงยังเอาสาวปารีสไม่อยู่เลย ให้รู้ซะบ้างว่าเธอซ่าไม่แคร์สื่อตัวจริง

อันดับที่ 6 มาดอนน่า
นักร้องสาวใหญ่ผู้อื้อ ฉาว ได้รับแหวนหมั้นจาก กาย ริชชี่ ที่ตอนนี้เป็นอดีตสามีไปเสียแล้ว แต่ยามรักกันหวานซึ้งนั้น กาย ริชชี่ลงทุนหมั้นหมายมาดอนน่าด้วยแหวนหมั้นโบราณในยุคเอ็ดวาร์เดียน เป็นแหวนเรือนแพลตทินัมที่ประดับด้วยเพชรสามเม็ด แต่ความหมายกลับเป็น อดีต ปัจจุบัน และอนาคต

อันดับที่ 5 โจน คอลลินส์
ดารารุ่นดึกที่ยัง สวยไม่สร่าง แถมชีวิตยังแฮปปี้กับความรักอย่างหวานชื่น ป้าโจนได้รับแหวนหมั้นจาก เพอร์ซี่ กิบสัน เป็นแหวนโบราณของศตวรรษที่ 19 เป็นเพชรรูปหัวใจที่ไม่มีการยืนยันน้ำหนักที่แท้จริง


อันดับที่ 4 แคทเธอรีน ซีต้า โจนส์
แคทเธอรีน ซีต้า โจนส์ นางเอกสาวสวยที่ประสบความสำเร็จทั้งด้านงานแสดงและความรัก เพราะเธอสามารถคว้าตัวพระเอกดังรูปหล่ออย่าง ไมเคิล ดักลาส ไปครองสำเร็จ พิธีวิวาห์จัดอย่างใหญ่โตหรูหรา ส่วนแหวนหมั้นจากไมเคิล ดักลาส เป็นแหวนโบราณประดับด้วยเพชรทรงมาคีส์น้ำหนักถึง 10 กะรัต มูลค่ากว่าล้านดอลลาร์


อันดับที่ 3 ชารอน สโตน
ชารอน สโตน ดาราสาวใหญ่ทรงเสน่ห์รายนี้ ได้แหวนหมั้นจาก ฟิล บรอนสไทน์ เป็นแหวนที่ประดับด้วยเพชรสี่เหลี่ยมสามเม็ดน้ำงาม ที่มีขนาดรวม 3.5 กะรัต (ความหมายของเพชร 3 เม็ดก็คือ You and I นั่นเอง)


อันดับที่ 2 พริซซิลล่า เพรสลีย์
พริซซิลล่า เพรสลีย์ ภรรยาหนึ่งเดียวของเอลวิส เพรสลีย์ ราชาเพลงร็อคผู้ล่วงลับไปแล้ว พริซซิล่าได้รับแหวนหมั้นจาก เอลวิส เพรสลีย์ เป็นเพชรน้ำงามน้ำหนัก 3.5 กะรัต แต่เรือนแหวนเป็นแพลตทินัมที่ประดับรอบวงด้วยเพชรเม็ดเล็กอีก 21 เม็ด ตอนนั้นทำเอาบรรดาสาว ๆ อิจฉาตาร้อนกันเป็นแถว

อันดับที่ 1 อลิซาเบธ เทเลอร์ หรือ "ป้าลิซ"
เริ่ม จากแหวนหมั้นของผู้ที่ ถูกกล่าวขวัญมากที่สุดรายแรกเห็นจะเป็นของใครไป ไม่ได้ นอกจากดาวค้างฟ้าผู้อื้อฉาวที่สุดของฮอลลีวูด อลิซาเบธ เทเลอร์ หรือ "ป้าลิซ" เจ้าของดวงตาสีเขียวมรตกขับกับผมสีดำสลวยทำให้ชายหลายคนต่างหลงใหลในตัวเธอ และแน่นอนว่าสาวสวยย่อมต้องคู่กับเพชรเม็ดงาม โดยเฉพาะป้าลิซซึ่งผ่านการแต่งงานมาแล้วหลายครั้งหลายครา เธอจึงมีแหวนหมั้นหลายวงหน่อย วงที่ร่ำลือกันนั้นวงแรกได้มาจากสามีอันดับ 3 ไมเคิล ทอดด์ เป็นแหวนหมั้นเพชรทรง Emerald Cut ที่มีน้ำหนักถึง 30 กะรัต นอกจากนั้นเธอยังเป็นเจ้าของเพชรชื่อ Krupp ที่มีน้ำหนักถึง 33.19 กะรัต ที่เธอสวมเป็นประจำเกือบทุกวัน ซึ่งได้รับจากริชาร์ด เบอร์ตัน รวมถึงเพชรทรงลูกแพร์ชื่อ Taylor-Burton น้ำหนัก 69.42 กะรัต และเพชรโบราณรูปหัวใจที่มีประวัติอันยาวนานมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ชื่อ ทัชมาฮาลอีกด้วย



ขอบคุณข้อมูลจาก : www.toptenthailand.com

สุดยอดเพชรคู่กษัตริย์




1. The Star of Africa (Cullinan 1) Diamond

เคยเป็นเพชรเจียระไนที่ใหญ่ ที่สุดในโลก (ปัจจุบัน Golden Jubilee เป็นเพชรเจียระไนที่ใหญ่ที่สุดในโลก) มีน้ำหนัก 530.20 กะรัต พบที่เหมืองพรีเมียร์ ในแอฟริกาใต้เมื่อคริสต์ศักราช 1905 ก่อนเจียระไนมีน้ำหนักถึง 3,106 กะรัต พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 แห่งอังกฤษ ได้รับมอบเพชรนี้เมื่อคริสต์ศักราช 1907 จากนั้น Joseph Asscher & Company ที่อัมสเตอร์ดัมได้เจียระไนแบ่งออกเป็นเพชรเม็ด ใหญ่ เพชรเม็ดเล็ก และเพชรขนาด 9.5 กะรัต อีกหลายเม็ด เพชรเม็ดใหญ่ที่สุดคือ Cullinan 1 ถูกเจียระไนเป็นรูปหยดน้ำ และนำไปประดับที่พระคทาของกษัตริย์อังกฤษปัจจุบันตั้งแสดงอยู่ที่พระคลังเครื่องเพชรของพระราชวงศ์อังกฤษที่หอคอยแห่งกรุงลอนดอน

2. Koh-I-Noor Diamond

เพชรโก อิ นัวร์ ซึ่งหนัก 186 กะรัต เป็นเพชรที่เก่าแก่ที่สุดในบรรดาเพชรที่มีชื่อเสียงต่าง ๆ เรื่องราวดั้งเดิมเกี่ยวกับเพชรนี้ มาจากหลายแหล่งตามตำนานฮินดูโบราณกล่าวว่า พระกฤษณะ (Krishna) เป็นผู้สวมใส่เพชรเม็ดนี้ บ้างก็ว่าเพชรนี้ถูกพบในแม่น้ำโกทาวรี (Godavari) ในอินเดียตอนกลางเมื่อ 4,000 ปีมาแล้ว และราชากานาแห่งอังกา (Gana Rajah of Anga) เป็นผู้สวมใส่ แต่ราชาผู้น่าสงสารผู้นี้ก็ตกเป็นเหยื่อรายแรกของเพชรเม็ด นี้ซึ่งมีคำสาปที่น่าสะพรึงกลัวอยู่ ในขณะที่กำลังขี่ม้าเข้าสู่สนามรบพร้อมกับเพชรเม็ดนี้ ราชาถูกฆ่าในสนามรบ เล่ากันในภายหลังว่า "ผู้ใดครองเพชรเม็ดนี้จักได้ครองโลก หากแต่จักพบพานความโชคร้ายต่าง ๆ ของมันด้วย" จะมีก็แต่พระเจ้าหรือผู้หญิงที่สามารถสวมใส่ได้โดยที่จะไม่ถูกลงโทษอย่างไรก็ตามบันทึกอ้างอิงฉบับแรก ๆ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์เพชรเม็ดนี้เริ่มต้น เมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 14 ว่า พบเพชรเม็ดนี้ทางตอนใต้ ของประเทศอินเดีย บริเวณริมแม่น้ำโกทาวรี ราว ค.ศ. 1304 ชาวนาคนหนึ่งพบวัตถุเป็นมันวาวชิ้นหนึ่งในดินโคลนหลังจากคืนฝนตกเพชรเม็ดนี้ซึ่งสวยงามมากเป็นพิเศษก็ได้กลายเป็นที่รู้จักในอินเดียและถูกนำไปประดับบนมงกุฎของมหาราชาแห่งกอ ลคอนดา ภายหลังเพชรเม็ดนี้ตกเป็น สมบัติของตระกูลโมกุลผู้ยิ่งใหญ่ และมีค่าโดยประมาณเท่ากับรายได้ใน 1 วัน ของประชากรทั้งหมดบนโลกเพชรโก อิ นัวร์ ตกทอดจากทรราชคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นของโมฮัมเหม็ด ชาร์ (Mohammed Shah) และตกทอดสู่นาดีร์ ชาห์ (Nadir Shah) ซึ่งได้อุทานออกมาว่า "โก อิ นัวร์" ซึ่งหมายความว่า "ภูเขาแห่งแสงสว่าง"ระหว่างที่เขาได้เห็นเพชรอัน วิจิตรงดงามนี้ที่เขาได้แย่งชิงมาจากโมฮัมเหม็ด ชาห์ ใน ค.ศ. 1739 ท้ายสุดแล้วเพชรก็ไปตกอยู่ที่รานจีท สิงห์ (Ranjeet Singh) แห่งปัญจาบใน ค.ศ. 1833ใน ค.ศ. 1850 บริษัทอินเดียตะวันออกได้ทูลเกล้าฯ ถวายเพชรโก อิ นัวร์ ที่ลือชื่อแด่สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย เพชรเม็ดนี้เป็นของขวัญวิเศษ ชิ้นหนึ่ง ขณะนี้เพชรสามารถประเมินค่าได้เป็นราคา 700,000 ดอลลาร์สหรัฐ สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียทรงตัดสินพระทัยที่จะให้นักเจียระไนเพชรชื่อวัวร์ซานเจอร์ (Voorzanger) เจียระไนเพชรนี้ใหม่ เขาใช้เวลา 8 วันในการเจียระไนให้เป็นรูปทรงรีหรือรูปไข่ หนัก 108.93 กะรัต และมีความแวววาวเป็นพิเศษ สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียได้ทรงประดับเพชรนี้ ไว้บนเข็มกลัดและทรงระบุไว้ในพระพินัยกรรมให้เพชรโก อิ นัวร์ แก่ผู้ที่เป็นกษัตริย์และผู้หญิงเท่านั้นปัจจุบันเราสามารถชมเพชรชื่อดัง เม็ดนี้ ได้ที่ทาวเวอร์ออฟลอนดอน โดยเพชรเม็ด นี้ประดับอยู่บนมัลทีส ครอส (Maltese Cross) ด้านหน้าของมงกุฎซึ่งสร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1937 สำหรับพระราชมารดาสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบท

3. The Regent Diamond

จัดเป็นหนึ่งในบรรดาเพชรที่สวยที่สุดในโลก มีน้ำหนัก 140.50 กะรัต เพชรเม็ดนี้มีประวัติและตำนานพิสดารมากมายเช่นเดียวกับเพชรที่มีชื่อ เสียงทั้งหลาย โดยถูกค้นพบที่อินเดีย และได้รับการเรียกขานว่า "The Pitt Diamond" ตามชื่อผู้ว่าราชการของเมืองมัทราสในยุคนั้น คือ Thomas Pitt เขาได้นำเพชรเม็ดนี้ไปเจียระไนใหม่ที่ อังกฤษ ในคริสต์ศักราช 1717 ต่อมา Thomas Pitt ได้ขายเพชรเม็ด นี้ให้กับฟิลิปส์ ดยุค แห่งออร์ลีน และรีเจนท์แห่งฝรั่งเศส เพชรเม็ดนี้จึงได้ชื่อใหม่ว่า "The Regent" และก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในพระคลังสมบัติของฝรั่งเศสช่วงยุคแห่งการปฎิวัติ และยุคสมัยนโปเลียน "The Regent" ได้ถูกภัยคุกคามอีกหลายครั้ง จนกระทั่งถึงคริสต์ศักราช 1887 จึงได้รับยกเว้นจากการขายทอดตลาดของพระคลังสมบัติ และได้ถูกนำออกแสดงแก่สาธารณชนที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ จนกระทั่งทุกวันนี้

4. The Orloff Diamond

จัดเป็นเพชรที่มีขนาดใหญ่ และมีชื่อเสียงมากที่สุดเม็ดหนึ่งของโลก อีกทั้งยังเป็นเพชรที่มีความสำคัญมากในกองทุนเพชรของมอสโคว์ มีน้ำหนักรวม 189.62 กะรัต ปัจจุบันเพชรเม็ด นี้ประดับอยู่บนคธาของกษัตริย์รัสเซีย ซึ่งตั้งแสดงอยู่ ณ พิพิธภัณฑ์เครมลินในกรุงมอสโคว์ ลักษณะของเพชร Orloff ดูคล้ายคลึงกับคำบรรยายลักษณะของเพชร "เกรทโมกุล" จึงเป็นไปได้ว่าเพชรทั้งสองนี้อาจเป็นเพชร เม็ดเดียวกัน ซึ่งต่อมาถูกนำไปเจียระไนใหม่ ตามประวัติเพชรเม็ดนี้เคยถูกนำไปประดับที่ตาข้างหนึ่งของเทวรูปฮินดู ก่อนที่จะถูกทหารฝรั่งเศสผู้หนึ่งขโมยออกมาจากโบสถ์กลางศตวรรษที่ 18 และได้ตกมาถึงมือของพ่อค้าชาวเปอร์เซีย ซึ่งได้นำไปขายต่อในราคาที่แพงมหาศาลให้กับ Gregory Orloffอดีตชู้รักของจักรพรรดินีแคทเธอรีนแห่งรัสเซีย Orloffได้ถวายเพชรเม็ดนี้แด่จักรพรรดินีแค ทเธอรีนด้วยหวังว่าจะได้รับความรักความชอบกลับคืนมา แต่พระองค์ปฏิเสธที่จะคืนดีด้วยและไม่เคยสวมเพชรเม็ดนี้เลย อย่างไรก็ตาม พระองค์ได้นำเพชรเม็ดนี้ไปประดับที่คธา ซึ่งยังคงสภาพเดิมอยู่จนถึงทุกวันนี้

5. The Centenary Diamond

เป็นเพชรเจียระไนแบบใหม่ (Modern Cut) เม็ดใหญ่ที่สุดในโลก ขุดพบได้โดยระบบอิเล็กทรอนิกส์เอ็กซเรย์ที่เหมืองพรีเมียร์ ในแอฟริกาใต้ เมื่อวันที่ 17 กรกฏาคม 1986 เพชรเม็ดนี้มีน้ำหนักก่อนการเจียระไน ถึง 599 กะรัตเป็นเพชรเม็ดใหญ่ที่สุดเท่า ที่เคยพบมาซึ่งมีสีขาวสมบูรณ์แบบและไร้ตำหนิภายใน เพชรเม็ดได้ชื่อว่า The Centenaryในวันเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี เดอ เบียร์ส เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 1988ในงานเลี้ยงที่จัดขึ้นใกล้เหมืองคิมเบอร์ลี่นายโชล เคาสกี้ เป็นผู้เจียระไนเพชรเม็ดนี้ และได้ทำการเจียระไนเสร็จเมื่อต้นคริสต์ศักราช 1991หลังจากเจียระไนเสร็จแล้ว เพชรเม็ด นี้มีน้ำหนัก 273.85 กะรัต และมี 247 เหลี่ยม คือ 164 เหลี่ยมบนตัวเพชรและ 83 เหลี่ยมบนเกอเดิล เท่าที่ผ่านมายังไม่เคยมีการเจียระไนเพชรที่ ได้เหลี่ยมมากมายเช่นนี้มาก่อนบนเพชรเม็ดเดียวในหมู่เพชรน้ำงามที่สุดในโลก แล้ว The Centenary จะเป็นรองจาก The First Star of Africa และ The Second Star of Africaซึ่งเจียระไนจากเพชร Cullinan เท่านั้น นับได้ว่าเพชร The Centenaryเป็นเพชรเจียระไนสมัยใหม่ เม็ดใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นเพชรเม็ดเดียวที่รวมเอาวิธีเจียระไนแบบเก่าเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่ซับซ้อนเป็นตัวอย่างของ "เพชรน้ำงาม ไฟดี" ที่ปรากฎสู่สายตาชาวโลกเป็นครั้งแรก เมื่อเดือนพฤษภาคม คริสต์ศักราช 1991เพชรเม็ดนี้มีราคาประกัน มากกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ

6. Hope Diamond

เพชร นอกจากจะสวยงาม เป็นสิ่งล้ำค่าหายากแล้ว ยังผูกพันธ์อยู่กับความเชื่อมากมาย เพชร "โฮป"เพชรสีน้ำเงินเข้มเม็ดนี้ เป็นอีกหนึ่งตำนานที่ได้รับการกล่าวขานมาเนิ่นนานว่ากันว่าเพชรโฮปมาจากดวงตาของเทวรูป ในวัดริมแม่น้ำโคเลอรูน (Coleroon) ในอินเดีย เพชรหนัก 112 กะรัต เม็ดนี้ถูกขุดพบในเหมืองคอลเลอร์ (Kollur mine) ในกอลคอนดา เป็นเพชรที่หายากและมีสีน้ำเงินเหมือนสีไพลินเข้มชอง-แบปตีส ตาแวร์นีเย (Jean-Baptist Tavernier) พ่อค้าเพชรชื่อดังชาวฝรั่งเศสซื้อเพชรนี้มาและลักลอบนำ เข้าไปยังกรุงปารีสใน ค.ศ. 1668ต่อมาใน ค.ศ. 1669 ตาแวร์นีเยขายเพชรให้ แก่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ด้วยราคา 3,000,000 ปอนด์ เพชรโฮปนี้ได้รับการเจียระไนเป็นรูปหยดน้ำรูปทรงสามเหลี่ยมหนัก 67.5 กะรัต โดยนายเปเตออง (Petean) และเป็นที่รู้จักในนาม "เพชรตา แวร์นีเยสีฟ้า" (The Tavernier Blue)เพชรสีน้ำเงินฝรั่งเศส (The French blue) หรือเพชรสีน้ำเงินแห่งมงกุฎ (The Blue Diamond of the Crown) พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงมอบเพชรให้ แก่มาดาม เดอ มงเตสปอง (Madam de Montespan) แต่ไม่นานหลังจากนั้นนางก็กลายเป็นที่เกลียดชังของราชสำนัก เพชรฝรั่งเศสสีน้ำเงินนี้ ได้หายไปในเดือนกันยายน ค.ศ. 1792หลังจากการปล้นเพชรครั้ง สำคัญในประวัติศาสตร์ที่คลังเก็บสมบัติแห่งชาติ (The National Garde Meuble) ใน ค.ศ. 1812บันทึกความทรงจำของจอห์น ฟรานซิลลอน (john Francillon) พ่อค้าเพชรชาวลอนดอนเขียนไว้ว่าเพชรสีน้ำเงินหนัก 45-52 กะรัตได้ปรากฏขึ้นใน ค.ศ. 1830 ที่อังกฤษ โดย เดเนียล แอเลียสัน (Denial Eligson)พ่อค้าเพชรชาวลอนดอน เขาเปลี่ยนรูปแบบการเจียระไนเป็นรูปหมอนและขายให้แก่เฮนรี ทอมัส โฮป (Henty Thomus Hope)นักการธนาคารชาวอังกฤษ ดังนั้นเพชรสี น้ำเงินจึงได้ชื่อใหม่ตามชื่อของเขาคือ เพชร "โฮป"ลอร์ดฟรานซิส เพลแฮม คลินตัน โฮป (Lord Francis Pelham Clinton Hope)ซึ่งได้เป็นเจ้าของเพชรของ พ่อของเขา ท้ายที่สุดแล้วกลับล้มละลายและเพชรก็ได้หายไปอีกครั้งหนึ่งต่อมาปีแยร์ การ์ตีเย (Pierre Cartier) พ่อค้าเพชรชาวปารีสได้ขายเพชรโฮปผ่านทางสุลต่าน อับดุล-ฮามิด (Abdul - Hamid) ให้กับวิลเลียม แมกลีน (William Mclean)คนสำคัญในวงการหนังสือพิมพ์ และเพชรเม็ด นี้ก็ถูกนำไปที่สหรัฐอเมริกา แมกลีน ซึ่งเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ซื้อเพชรมาด้วยราคา 154,000 ดอลลาร์สหรัฐ ภรรยาของแมกลีนต้องการให้พระทำพิธีขับไล่ผีในเพชรก่อนพิธีนี้จึงได้มีขึ้นและเธอก็ป่าวประกาศว่ามี "ฟ้าผ่าและฟ้าแลบในระหว่างพิธี" ด้วยหลังจากนั้นเธอจึงค่อยสวมใส่เพชรเม็ด นี้โชคร้ายที่ดูเหมือนคำสาปในเพชรยังคงมีอยู่ ใน ค.ศ. 1918ลูกชายของแมกลีนอายุ 9 ขวบ หลุดรอดจากการดูแลของบรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและถูกรถคันหนึ่ง ชนเสียชีวิตแมกลีนจึงดื่มเหล้าและหลังจากนั้นไม่กี่เดือนลูกสาวคนเดียวของพวกเขาก็ปลิด ชีพตัวเองโดยใช้ยานอนหลับใน ค.ศ. 1949หลังจากที่ภรรยาของแมกลีนเสียชีวิตแล้ว แฮร์รี วินสตัน (Harry Winston)พ่อค้าเพชรชาวนิวยอร์ก ได้ซื้อเพชรโฮปไปด้วยราคา 180,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำไปเพิ่มชุดสะสมส่วนตัวของเขาใน ค.ศ. 1958 เอดนา วินสตัน (Edna Winston) ได้บริจาคเพชรเม็ดนี้ให้แก่สถาบันสมิทโซเนียนในกรุงวอชิงตัน ซึ่งเป็นที่ที่จัดแสดงเพชรใน ปัจจุบัน และมีผู้มาเยี่ยมชมหลายพันซึ่งหลงไหลในเพชรสีน้ำเงินไพลินและความ แวววาวที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นที่มีตำนานที่น่าสนใจ

7. Golden Jubilee Diamond

มาถึงอันดับสุดท้ายที่ถือว่าเป็นที่สุด ของที่สุดเพราะ เป็นเพชรเจียระไนเม็ดใหญ่ที่ สุดในโลก เดิมเป็นที่รู้จักกันในนาม "Unnamed Brown"ต่อมาได้ชื่อใหม่ว่า "Golden Jubilee (เพชรกาญจนาภิเษก)"ทั้งนี้ เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี เมื่อพุทธศักราช 2539 เพชรเม็ดนี้ได้ถูกนำมาแสดงในงาน บี.โอ.ไอ. แฟร์ที่แหลมฉบัง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว Golden Jubilee มีน้ำหนัก 545 กะรัต
เพชรเม็ดนี้ได้รับการระบุ ลักษณะว่าเป็นเพชรสีแฟนซี สีน้ำตาลเหลืองตามธรรมชาติโดยห้องวิเคราะห์ปฏิบัติการของ GIAผลึกเพชรก่อนการเจียระไนมี น้ำหนัก 755.50 กะรัต ขุดพบที่เหมืองพรีเมียร์ ในแอฟริกาใต้ เมื่อคริสต์ศักราช 1986 การเจียระไนเพชรเม็ดนี้ใช้ เวลาประมาณ 3 ปี โดยช่างเจียระไนเพชรที่มีชื่อเสียงชื่อ นายโชล เคาสกี้ หลังการเจียระไนแล้วเพชรเม็ดนี้มีจำนวนเหลี่ยม ทั้งหมด 158 เหลี่ยม แบ่งด้านบนคราวน์ 55 เหลี่ยม ด้านล่างพาวิลเลียน 69 เหลี่ยมและของเกอเดิลอีก 24 เหลี่ยม นายโชล เคาสกี้ เรียกรูปร่างของเพชรเม็ดนี้ว่า "Fire-Rose Cusion-Shape" นับเป็นเพชรเจียระไนเม็ดใหญ่ ที่สุดในโลกที่มีการเจียระไนโดยเสียนเนื้อเพชรน้อยมากคือ เสียไปไม่ถึง 28 เปอร์เซนของน้ำหนักก้อนเดิม

ขอขอบคุณเรื่องดีๆจาก fwdder






วันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

การเลือกซื้อแหวนเพชร




แหวนเพชร (Diamond Ring)
- เมื่อพูดถึงเพชรหรือแหวนเพชร เชื่อว่าแทบทุกคนคงจะนึกถึงเรื่องราวของความรัก หรืองานแต่งงาน เพราะปัจจุบันเพชรหรือแหวนเพชรเป็นสัญลักษณ์ของความรักและเป็นส่วนหนึ่งของงานแต่งงานทั่วโลกแล้ว ตามประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกมานั้น สัญลักษณ์ของความรักในแต่ละยุคจะแตกต่างกัน อย่างชาวโรมันจะใช้เถาวัลย์ตามธรรมชาตินำมาผูกติดกับนิ้วเพื่อแสดงถึงความรัก หรือชาวอังกฤษจะนำโลหะที่มีค่าที่สุดของแต่ละยุคสมัยมาใช้สวมให้กับเจ้าสาว

แต่ประเพณีการแลกแหวนแต่งงานครั้งแรก เกิดขึ้นเมื่อราว 2,800 ปีก่อนคริสตกาล ชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่า เส้นเลือดจากนิ้วนางข้างซ้ายเป็นเส้นเลือดที่แล่นตรงเข้าสู่หัวใจ ด้วยการเชื่อมโยงระหว่างมือและหัวใจ จึงมีการตั้งชื่อเส้นเลือดดังกล่าวว่า vena amori อันเป็นภาษาละตินซึ่งมีหมายความว่า "เส้นเลือดแห่งความรัก" (vein of love) ด้วยความเชื่อดังกล่าว ผู้คนจึงยอมรับให้สวมแหวนแต่งงาน บนนิ้วนางข้างซ้าย และการสวมแหวนแต่งงานในนิ้วนางข้างซ้ายนี้เองเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่า คู่แต่งงานได้ประกาศมอบความรักนิรันดรให้แก่กันและกัน จนกลายเป็นประเพณีปฏิบัติกันมาในยุโรป จนกระทั่งถึง ศตวรรษที่ 15 จึงมีการนำเพชรมาประดับที่แหวน เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่มั่นคงตลอดไป

ปัจจุบัน เพชรหรือแหวนเพชรไม่เพียงแต่จะใช้เพื่อเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงความรักที่มั่นคง ที่มีให้กันอย่างไม่มีวันสิ้นสุดของคู่รักในวันสำคัญต่าง ๆ แล้ว แหวนเพชรยังใช้เป็นสัญลักษณ์สื่อถึงคุณค่าและความรักให้กับคนสำคัญรอบ ๆ ตัวคุณ และใช้เป็นของขวัญให้กับคนที่คุณรักในโอกาสพิเศษต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ ญาติพี่น้องหรือเพื่อนๆได้อีกด้วย แหวนเพชรในปัจจุบันจึงมีให้เลือกมากมายหลากสไตล์หลายแบบ และราคาที่ถูกหรือแพงต่างกันไป หลายคนจึงอาจสับสนและรู้สึกว่าเป็นเรื่องยากในการเลือกซื้อแหวนสักวงที่มีราคาเหมาะสม ถูกใจคุณและ คนที่คุณรักสักวง

วันนี้ทาง Lamour Diamond (ลามูร์ ไดมอนด์) ขอนำเสนอวิธีการง่ายๆในการพิจารณาเลือกซื้อแหวนเพชร โดยมีขั้นตอนง่ายๆดังนี้ :

Identify your purpose - เริ่มแรกเลย ขอแนะนำให้ถามตัวเองก่อนว่า “เราจะซื้อแหวนให้ใคร ในโอกาสอะไร” เพราะเมื่อคุณมีเป้าหมายที่ชัดเจนในใจแล้ว คุณก็จะสามารถกำหนดงบประมาณขึ้นมาได้ กำหนดกรอบที่จะใช้หาข้อมูล และใช้ในการตัดสินใจด้วย ยกตัวอย่างเช่น คุณอยากได้แหวนเพชรเพื่อที่จะนำไปเป็นแหวนแต่งงาน คุณก็อาจจะเลือกแหวนเพชรที่มีลักษณะเป็นแหวนชูเม็ดเดี่ยว เพื่อแสดงถึงความรักเดียวใจเดียวตลอดไป แต่ถ้าคุณต้องการนำแหวนเพชรไปเพื่อเป็นของขวัญวันครบรอบแต่งงาน คุณก็อาจจะเลือกแหวนแบบเพชรเรียงสามเม็ด เพื่อสื่อถึง อดีต ปัจจุบัน อนาคต ที่คุณกับคนที่คุณรักจะมีกันและกันตลอดไป

อาจบางทีคุณซื้อแหวนเพชรเพื่อเป็นของขวัญให้กับแม่ หรือญาติผู้ใหญ่ ซื้อแหวนเพชรเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้กับพี่ ซื้อแหวนเพชรเพื่อเป็นของขวัญวันรับปริญญาน้อง หรือซื้อแหวนเพชรเพื่อการลงทุน เพื่อให้ถูกใจผู้รับมากที่สุดคุณควรศึกษาลักษณะการฝังเพชร เพราะลักษณะการฝังเพชรจะส่งผลต่อดีไซน์ของแหวนเพชรที่คุณเลือก

ลักษณะการฝังเพชร ( Ring Setting for Diamond) ที่เป็นที่นิยมในปัจจุบันมีดังนี้

1. Bar Setting - ลักษณะการฝังจะมี Bar คั่นระหว่างเพชรแต่ละเม็ดเพื่อใช้ยึดจับเพชร หรือเรียกอีกอย่างว่าการฝังหนีบ ซึ่งคล้ายกับการฝังหนีบแบบ Tension แต่มักนิยมฝังเพชรหลาย ๆ เม็ดเรียงต่อกัน


2. Bezel Setting - หรือเรียกอีกอย่างว่าการฝังหุ้ม จะมีลักษณะการฝังโดยใช้ขอบทองฝังหุ้มเพชรรอบด้าน ซึ่งเป็นการฝังแบบที่แข็งแรงที่สุด เพราะขอบทองจะช่วยป้องกันการกระทบกระแทกและการหลุดหาย นอกจากนี้ยังช่วยให้เพชรมองดูใหญ่มากยิ่งขึ้น ลักษณะของเพชรจะมองดูคล้ายกับถูกวางอยู่ในถ้วย แต่การฝังแบบนี้ก็มีข้อเสียอยู่เช่นกัน คือ เพชรจะถูกโชว์และเล่นไฟได้ไม่ดีเท่าการฝังแบบหนามเตย ( Prong)

3. Half bezel Setting - จะมีลักษณะเหมือนการฝังหุ้ม ( Bezel ) แต่ขอบทองจะยึดจับเพียงครึ่งหนึ่งของตัวเพชร

4. Channel Setting - หรือการฝังสอด จะมีลักษณะเป็นร่องของทองซึ่งเพชรที่ถูกฝังสอดเรียงกันอยู่ภายในร่องโดยจะมีขอบทองล็อคเพชรเอาไว้ด้านล่าง เพชรแต่ละเม็ดจะถูกฝังติดกันโดยไม่มี Bar ขั้นอยู่ การฝังแบบนี้ช่วยให้เพชรส่งประกายเล่นไฟได้ดีกว่าการฝังแบบอื่นแต่ก็มีข้อเสียคือจะทำให้เพชรดูขนาดเล็กลงเล็กน้อย เนื่องจากถูกขอบทองทั้งสองข้างบดบัง การฝังแบบนี้นิยมมากสำหรับการฝังแหวนเพชรแถว

5. Flush Setting - การฝังแบบนี้คล้ายกับการฝังแบบหุ้ม ( Bezel ) แต่จะเป็นการฝังจมลึกลงไปในเนื้อทอง เหมาะสำหรับดีไซน์ที่ต้องการความสูงของผิวทองที่เรียบเสมอกัน

6. Invisible Setting - หรือการฝังแบบไร้หนาม จะมีลักษณะการฝังเพชรแถวหลาย ๆ แถวต่อกัน โดยไม่มีหนามเตยหรือ Bar มาขั้น นิยมใช้สำหรับฝังเพชรทรง Princess โดยจะเซาะร่องเป็นกรอบสำหรับวางเพชรลงไปในเนื้อทอง เพชรจะถูกจับยึดด้านล่างส่วนด้านหน้าจะเห็นเพียงเพชรเรียงต่อกันหลาย ๆ แถว เป็นการฝังที่ดูสวยงามและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน

7. Pave Setting - หรือเรียกว่าการฝังแบบจิกไข่ปลา การฝังแบบนี้จะมีลักษณะเป็นหนามเตยอันเล็ก ๆ หลาย ๆ อันจับยึดเพชรหลาย ๆ เม็ดให้อยู่ในพื้นที่ที่ต้องการ โดยแต่ละหนามเตยจะจับยึดเพชรอย่างน้อย 3 เม็ด การฝังแบบนี้ช่วยให้เพชรดูระยิบระยับเล่นไฟมากยิ่งขึ้น และสามารถฝังเต็มพื้นที่ใหญ่ ๆ ทำให้ดูสวยงามระยิบระยับและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเช่นกันในปัจจุบัน

8. Prong Setting - หรือ การฝังแบบหนามเตย หนามเตยมีลักษณะเป็นขายื่นออกมาจากตัวเรือนหลักเพื่อให้จับยึดเพชร โดยจะเซาะร่องตรงขาที่ยื่นออกมาเพื่อการยึดจับเพชรได้ดี เป็นการฝังที่เป็นที่นิยมมากที่สุด การฝังแบบนี้ช่วยให้โชว์เพชรหรือชูเพชรให้เห็นเด่นชัดจึงเหมาะที่สุดสำหรับเพชรเม็ดใหญ่ ส่วนใหญ่จะมีแบบ 4 หรือ 6 หนามเตย ซึ่งแบบ 4 หนามเตยจะโชว์เห็นเพชรได้ดีกว่า แต่แบบ 6 หนามเตยนั้นจะปลอดภัยต่อการสูญหายได้มากกว่า

9. V Prong Setting - มีลักษณะเป็นหนามเตยแต่ลักษณะการจับยึดจะยึดที่ส่วนมุมของเพชรลักษณะคล้ายตัว V ช่วยป้องกันส่วนมุมของเพชรซึ่งมีความเปราะบางที่สุดหากเทียบกันส่วนอื่นของเพชร เหมาะสำหรับเพชรรูป princess , Marquise และปลายของเพชรรูปหัวใจ

10. Tension - หรือการฝังแบบหนีบ จะมีลักษณะการฝังแบบเปิดมีเพียงเนื้อทอง 2 ข้างของเพชรช่วยหนึบยึดเพชรเอาไว้ การฝังแบบนี้นิยมใช้สำหรับโลหะมีค่าที่มีความเหนียวและแข็งมากพอ เช่น platinum เพื่อความแข็งแรงของการฝัง

เหนื่อยกันหรือยังคะ........ ครั้งหน้าเราจะมาต่อกันเรื่อง รูปทรงของเพชร (diamond shape) กันค่ะ เพราะรูปทรงของเพชรก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ควรพิจารณา เพราะมีผลต่อดีไซน์ของแหวน

Tag : เพชร, แหวนเพชร, Diamond Ring, แบบแหวนเพชร, แบบแหวนเพชรสวยๆ