วันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

การเลือกซื้อแหวนเพชร




แหวนเพชร (Diamond Ring)
- เมื่อพูดถึงเพชรหรือแหวนเพชร เชื่อว่าแทบทุกคนคงจะนึกถึงเรื่องราวของความรัก หรืองานแต่งงาน เพราะปัจจุบันเพชรหรือแหวนเพชรเป็นสัญลักษณ์ของความรักและเป็นส่วนหนึ่งของงานแต่งงานทั่วโลกแล้ว ตามประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกมานั้น สัญลักษณ์ของความรักในแต่ละยุคจะแตกต่างกัน อย่างชาวโรมันจะใช้เถาวัลย์ตามธรรมชาตินำมาผูกติดกับนิ้วเพื่อแสดงถึงความรัก หรือชาวอังกฤษจะนำโลหะที่มีค่าที่สุดของแต่ละยุคสมัยมาใช้สวมให้กับเจ้าสาว

แต่ประเพณีการแลกแหวนแต่งงานครั้งแรก เกิดขึ้นเมื่อราว 2,800 ปีก่อนคริสตกาล ชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่า เส้นเลือดจากนิ้วนางข้างซ้ายเป็นเส้นเลือดที่แล่นตรงเข้าสู่หัวใจ ด้วยการเชื่อมโยงระหว่างมือและหัวใจ จึงมีการตั้งชื่อเส้นเลือดดังกล่าวว่า vena amori อันเป็นภาษาละตินซึ่งมีหมายความว่า "เส้นเลือดแห่งความรัก" (vein of love) ด้วยความเชื่อดังกล่าว ผู้คนจึงยอมรับให้สวมแหวนแต่งงาน บนนิ้วนางข้างซ้าย และการสวมแหวนแต่งงานในนิ้วนางข้างซ้ายนี้เองเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่า คู่แต่งงานได้ประกาศมอบความรักนิรันดรให้แก่กันและกัน จนกลายเป็นประเพณีปฏิบัติกันมาในยุโรป จนกระทั่งถึง ศตวรรษที่ 15 จึงมีการนำเพชรมาประดับที่แหวน เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่มั่นคงตลอดไป

ปัจจุบัน เพชรหรือแหวนเพชรไม่เพียงแต่จะใช้เพื่อเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงความรักที่มั่นคง ที่มีให้กันอย่างไม่มีวันสิ้นสุดของคู่รักในวันสำคัญต่าง ๆ แล้ว แหวนเพชรยังใช้เป็นสัญลักษณ์สื่อถึงคุณค่าและความรักให้กับคนสำคัญรอบ ๆ ตัวคุณ และใช้เป็นของขวัญให้กับคนที่คุณรักในโอกาสพิเศษต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ ญาติพี่น้องหรือเพื่อนๆได้อีกด้วย แหวนเพชรในปัจจุบันจึงมีให้เลือกมากมายหลากสไตล์หลายแบบ และราคาที่ถูกหรือแพงต่างกันไป หลายคนจึงอาจสับสนและรู้สึกว่าเป็นเรื่องยากในการเลือกซื้อแหวนสักวงที่มีราคาเหมาะสม ถูกใจคุณและ คนที่คุณรักสักวง

วันนี้ทาง Lamour Diamond (ลามูร์ ไดมอนด์) ขอนำเสนอวิธีการง่ายๆในการพิจารณาเลือกซื้อแหวนเพชร โดยมีขั้นตอนง่ายๆดังนี้ :

Identify your purpose - เริ่มแรกเลย ขอแนะนำให้ถามตัวเองก่อนว่า “เราจะซื้อแหวนให้ใคร ในโอกาสอะไร” เพราะเมื่อคุณมีเป้าหมายที่ชัดเจนในใจแล้ว คุณก็จะสามารถกำหนดงบประมาณขึ้นมาได้ กำหนดกรอบที่จะใช้หาข้อมูล และใช้ในการตัดสินใจด้วย ยกตัวอย่างเช่น คุณอยากได้แหวนเพชรเพื่อที่จะนำไปเป็นแหวนแต่งงาน คุณก็อาจจะเลือกแหวนเพชรที่มีลักษณะเป็นแหวนชูเม็ดเดี่ยว เพื่อแสดงถึงความรักเดียวใจเดียวตลอดไป แต่ถ้าคุณต้องการนำแหวนเพชรไปเพื่อเป็นของขวัญวันครบรอบแต่งงาน คุณก็อาจจะเลือกแหวนแบบเพชรเรียงสามเม็ด เพื่อสื่อถึง อดีต ปัจจุบัน อนาคต ที่คุณกับคนที่คุณรักจะมีกันและกันตลอดไป

อาจบางทีคุณซื้อแหวนเพชรเพื่อเป็นของขวัญให้กับแม่ หรือญาติผู้ใหญ่ ซื้อแหวนเพชรเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้กับพี่ ซื้อแหวนเพชรเพื่อเป็นของขวัญวันรับปริญญาน้อง หรือซื้อแหวนเพชรเพื่อการลงทุน เพื่อให้ถูกใจผู้รับมากที่สุดคุณควรศึกษาลักษณะการฝังเพชร เพราะลักษณะการฝังเพชรจะส่งผลต่อดีไซน์ของแหวนเพชรที่คุณเลือก

ลักษณะการฝังเพชร ( Ring Setting for Diamond) ที่เป็นที่นิยมในปัจจุบันมีดังนี้

1. Bar Setting - ลักษณะการฝังจะมี Bar คั่นระหว่างเพชรแต่ละเม็ดเพื่อใช้ยึดจับเพชร หรือเรียกอีกอย่างว่าการฝังหนีบ ซึ่งคล้ายกับการฝังหนีบแบบ Tension แต่มักนิยมฝังเพชรหลาย ๆ เม็ดเรียงต่อกัน


2. Bezel Setting - หรือเรียกอีกอย่างว่าการฝังหุ้ม จะมีลักษณะการฝังโดยใช้ขอบทองฝังหุ้มเพชรรอบด้าน ซึ่งเป็นการฝังแบบที่แข็งแรงที่สุด เพราะขอบทองจะช่วยป้องกันการกระทบกระแทกและการหลุดหาย นอกจากนี้ยังช่วยให้เพชรมองดูใหญ่มากยิ่งขึ้น ลักษณะของเพชรจะมองดูคล้ายกับถูกวางอยู่ในถ้วย แต่การฝังแบบนี้ก็มีข้อเสียอยู่เช่นกัน คือ เพชรจะถูกโชว์และเล่นไฟได้ไม่ดีเท่าการฝังแบบหนามเตย ( Prong)

3. Half bezel Setting - จะมีลักษณะเหมือนการฝังหุ้ม ( Bezel ) แต่ขอบทองจะยึดจับเพียงครึ่งหนึ่งของตัวเพชร

4. Channel Setting - หรือการฝังสอด จะมีลักษณะเป็นร่องของทองซึ่งเพชรที่ถูกฝังสอดเรียงกันอยู่ภายในร่องโดยจะมีขอบทองล็อคเพชรเอาไว้ด้านล่าง เพชรแต่ละเม็ดจะถูกฝังติดกันโดยไม่มี Bar ขั้นอยู่ การฝังแบบนี้ช่วยให้เพชรส่งประกายเล่นไฟได้ดีกว่าการฝังแบบอื่นแต่ก็มีข้อเสียคือจะทำให้เพชรดูขนาดเล็กลงเล็กน้อย เนื่องจากถูกขอบทองทั้งสองข้างบดบัง การฝังแบบนี้นิยมมากสำหรับการฝังแหวนเพชรแถว

5. Flush Setting - การฝังแบบนี้คล้ายกับการฝังแบบหุ้ม ( Bezel ) แต่จะเป็นการฝังจมลึกลงไปในเนื้อทอง เหมาะสำหรับดีไซน์ที่ต้องการความสูงของผิวทองที่เรียบเสมอกัน

6. Invisible Setting - หรือการฝังแบบไร้หนาม จะมีลักษณะการฝังเพชรแถวหลาย ๆ แถวต่อกัน โดยไม่มีหนามเตยหรือ Bar มาขั้น นิยมใช้สำหรับฝังเพชรทรง Princess โดยจะเซาะร่องเป็นกรอบสำหรับวางเพชรลงไปในเนื้อทอง เพชรจะถูกจับยึดด้านล่างส่วนด้านหน้าจะเห็นเพียงเพชรเรียงต่อกันหลาย ๆ แถว เป็นการฝังที่ดูสวยงามและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน

7. Pave Setting - หรือเรียกว่าการฝังแบบจิกไข่ปลา การฝังแบบนี้จะมีลักษณะเป็นหนามเตยอันเล็ก ๆ หลาย ๆ อันจับยึดเพชรหลาย ๆ เม็ดให้อยู่ในพื้นที่ที่ต้องการ โดยแต่ละหนามเตยจะจับยึดเพชรอย่างน้อย 3 เม็ด การฝังแบบนี้ช่วยให้เพชรดูระยิบระยับเล่นไฟมากยิ่งขึ้น และสามารถฝังเต็มพื้นที่ใหญ่ ๆ ทำให้ดูสวยงามระยิบระยับและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเช่นกันในปัจจุบัน

8. Prong Setting - หรือ การฝังแบบหนามเตย หนามเตยมีลักษณะเป็นขายื่นออกมาจากตัวเรือนหลักเพื่อให้จับยึดเพชร โดยจะเซาะร่องตรงขาที่ยื่นออกมาเพื่อการยึดจับเพชรได้ดี เป็นการฝังที่เป็นที่นิยมมากที่สุด การฝังแบบนี้ช่วยให้โชว์เพชรหรือชูเพชรให้เห็นเด่นชัดจึงเหมาะที่สุดสำหรับเพชรเม็ดใหญ่ ส่วนใหญ่จะมีแบบ 4 หรือ 6 หนามเตย ซึ่งแบบ 4 หนามเตยจะโชว์เห็นเพชรได้ดีกว่า แต่แบบ 6 หนามเตยนั้นจะปลอดภัยต่อการสูญหายได้มากกว่า

9. V Prong Setting - มีลักษณะเป็นหนามเตยแต่ลักษณะการจับยึดจะยึดที่ส่วนมุมของเพชรลักษณะคล้ายตัว V ช่วยป้องกันส่วนมุมของเพชรซึ่งมีความเปราะบางที่สุดหากเทียบกันส่วนอื่นของเพชร เหมาะสำหรับเพชรรูป princess , Marquise และปลายของเพชรรูปหัวใจ

10. Tension - หรือการฝังแบบหนีบ จะมีลักษณะการฝังแบบเปิดมีเพียงเนื้อทอง 2 ข้างของเพชรช่วยหนึบยึดเพชรเอาไว้ การฝังแบบนี้นิยมใช้สำหรับโลหะมีค่าที่มีความเหนียวและแข็งมากพอ เช่น platinum เพื่อความแข็งแรงของการฝัง

เหนื่อยกันหรือยังคะ........ ครั้งหน้าเราจะมาต่อกันเรื่อง รูปทรงของเพชร (diamond shape) กันค่ะ เพราะรูปทรงของเพชรก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ควรพิจารณา เพราะมีผลต่อดีไซน์ของแหวน

Tag : เพชร, แหวนเพชร, Diamond Ring, แบบแหวนเพชร, แบบแหวนเพชรสวยๆ







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น